1. ไว้หยิบจับสิ่งของที่มีขนาดเล็ก ชิ้นเล็กๆ
2. ไว้เกา เวลาคัน เพราะถ้าไม่มีเล็บ คุณก็จะเกาได้ไม่สะดวก คงหงุดหงิดพอสมควร
3. ไว้ฉีกอาหาร หรือสิ่งของบางอย่างให้เป็นชิ้นเล็กๆ
4. ไว้ป้องกันตัว เช่น ขูด ขีด ข่วน ใบหน้า (ใช้กรณีจำเป็นจริงๆ นะครับ)
5. ไว้เกาศีรษะ เวลาสระผม
6. ช่วยในการเดินหรือวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ บางท่านที่เคยโดนถอดเล็บเท้า จะพบว่าเดินไม่ถนัด
7. เพื่อความสวยงาม บ่งบอกลักษณะ สุขภาพ รสนิยม บุคลิก ของผู้ที่เป็นเจ้าของเล็บที่สวยงามนั้นได้
8. ใช้บอกโรคบางชนิดของอวัยวะภายในต่างๆ ได้
9. ใช้แคะขี้มูก ขี้หู และ ขี้ต่างๆ ในร่างกายได้
ตัวอย่างของผู้ที่มีโอกาสเป็นเชื้อราที่เล็บได้ง่ายได้แก่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ที่มีการไหลเวียนโลหิตไม่ดี ผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บ หรือมีภูมิต้านทานโรคต่ำถ้าเชื้อรากินลึกไปถึงตัวนิ้ว จะทำให้มีอาการปวดร่วมด้วย แน่นอนว่าเจ้าของเท้าคงจะยืนหรือเดินนานๆ ไม่ค่อยไหว ทำให้ไม่สามารถเล่นกีฬาที่ชอบได้ตามปกติ ถ้าเป็นเชื้อราที่เล็บมือ จะทำให้เคลื่อนไหวนิ้วได้ไม่คล่อง อาจทำให้คุณพิมพ์ดีด เล่นเครื่องดนตรี หรือหยิบจับของเล็กๆ ได้ไม่ถนัดเพราะความเจ็บปวดนั่นเอง เช่น โรคเบาหวาน โรคเอดส์ ฯลฯ ลักษณะเล็บจะเปลี่ยนสีไปอาจจะดำคล้ำขึ้น สีเขียวหรือเหลือง ลักษณะเล็บเปลี่ยนรูปร่าง บิดเบี้ยว โค้งงอ แตกเปราะ หรือเป็นขุย
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการดูแลเล็บ ก็คือหลังอาบน้ำ หรือหลังล้างจาน เพราะเป็นช่วงที่เล็บของคุณสะอาดและอ่อนนุ่มที่สุดนั่นเอง
น้ำยาเติมยาทาเล็บ ซึ่งใช้เพื่อช่วยให้ยาทาเล็บไม่ข้นเกินไปนั้น ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นจะช่วยให้เก็บได้นานขึ้น ไม่ควรใช้น้ำยาล้างยาทาเล็บเกินกว่าอาทิตย์ละครั้ง เนื่องจากจะทำให้เล็บแห้ง และแตกง่าย sealer หรือ top coat ยาเคลือบเงาเล็บเป็นน้ำยาที่ใช้ทาทับยาทาเล็บอีกทีหนึ่ง ซึ่งคุณสามารถ ใช้ยาทาเล็บแบบสีใส ชนิดใดก็ได้มาทาเพื่อการนี้ ซึ่งจะช่วยลดการกร่อน และแตกของเล็บได้ คุณสามารถใช้ยาทาเล็บใสนี้ได้ทุกวัน เพื่อช่วยปกป้องและคงความชุ่มชื้นให้เล็บ
สำหรับเล็บที่แต่งด้วยยาทาเล็บเป็นประจำ จะทำให้เล็บมีสีเหลือง ดังนั้นลองแช่นิ้วมือ และเท้าในน้ำ ควรใช้น้ำมะขามที่ผสมน้ำทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก หรือจะใช้มะนาวฝานมาถูเล็บบ่อยๆ
หลังล้างมือ คุณควรทาครีมหรือโลชั่นเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เล็บและมือของคุณ ที่เสียไปเพราะฤทธิ์ของสบู่และน้ำยาล้างมือ การใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น วาสลีน จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากหลังล้างมือแล้ว การทาก่อนนอนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสุขภาพเล็บที่ดีนะค่ะ
บางครั้งยาทาเล็บ คราบสกปรก หรือแม้แต่เชื้อแบคทีเรีย อาจฝังอยู่บนเล็บเป็นรอยเลอะๆ ได้โดยใช้ สำลีชุบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (น้ำยาล้างแผล) บีบลงตามซอกเล็บทิ้งไว้สักครู่ สิ่งสกปรกจะลอยออกมา แล้วใช้ไม่พันสำลีเล็กๆ เช็ดออก คุณก็ไม่ต้องแคะซอกเล็บให้เจ็บนิ้ว หรือจะใช้น้ำสบู่และแปรงสีฟันแปรงขัดออกขณะอาบน้ำก็ได้ แล้วหลังจากนั้นอย่าลืมทาครีมบำรุงเล็บด้วย
วิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บมี 7 ข้อมาให้คุณๆ ที่รักเล็บมาปฏิบัติกันนะค่ะ
1. อย่าล้างมือบ่อยเกินไป หลังล้างมือแล้ว เช็ดให้แห้ง เป่าลมร้อนช่วยด้วยจะยิ่งทำให้เล็บแห้งได้สนิท ทาโลชั่นที่บำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ (Hand and nail) อย่างสม่ำเสมอ
2. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ ถ้าจำเป็นต้องล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำให้แช่เล็บในน้ำอุ่น สัก 5 นาทีก่อนตัดเล็บ
3. พยายามทาสีเล็บให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เล็บได้พักผ่อน หลีกเลี่ยงการเพ้นท์สีเล็บที่อาจจะมีสารเคมีทำลายเนื้อเล็บได้ แต่ถ้าอยากจะทำควรเลือกเป็นสีทาเล็บที่มีคุณภาพ และช่วยถนอมเล็บด้วย ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาเล็บชนิดแห้งเร็วที่มีส่วนผสมของ อะซิโตน (acetone) เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากเล็บของเรา ทำให้เล็บแห้งและลอกหลุดได้ง่าย และก่อนการทาเล็บทุกครั้ง ควรใช้น้ำยาเคลือบเล็บชนิดใสทาก่อนที่จะลงสี จะช่วยไม่ให้เล็บเสียความชุ่มชื่น และลดการสัมผัสกับสีทาเล็บโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลืองได้ง่าย หลังจากนั้นเคลือบทับด้วยน้ำยาชนิดใสอีกครั้ง ก็จะช่วยให้สีทาเล็บติดทนนานยิ่งขึ้น
4. ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บบ่อยๆ ที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างมักจะแคะเล็ม ตัดจมูกเล็บให้เสียหาย และการขูดผิวเล็บเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบ และดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บ ดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้น ใช้แผ่นขัดเล็บ ซึ่งคล้ายกระดาษทราย ขัดหน้าเล็บเบา เพื่อให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บ ถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเจลาตินเคลือบอยู่ ขัดถูบนหน้าเล็บเบาๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมีสุขภาพดี การขัดเงาเล็บแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
5. ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่ายควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้น พยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุดเพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามซอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ งัดแงะขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้ และอีกสิ่งที่มาควบคู่กับการตัดเล็บก็คือการตะไบ การตะไบเล็บให้สวย ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกันได้ นอกจากนี้ การตะไบเล็บควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ
6. การเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ทำให้เราต้องล้างเล็บมากขึ้นและน้ำยาล้างทำความสะอาดเล็บนี่เองจะเป็นตัวกัดหน้าเล็บของเราให้กร่อน เป็นหลุมเป็นขุยได้เหมือนกัน นอกจากนี้ควรมีเวลาให้เล็บได้ว่างเว้นจากการทาสี เพราะนอกจากเล็บจะได้พักหรือฟื้นสภาพที่เสียไปแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้สังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเล็บอีกด้วย การต่อเล็บ หรือการตกแต่งประดับเล็บนั้น ควรทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และต้องใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และมีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการแพ้หรือการสะสมของเชื้อโรค หากชื่นชอบการต่อเล็บและตกแต่งเล็บด้วยเครื่องประดับ ต้องหมั่นสังเกตดูว่า เล็บเกิดมีจุดดำ หรือเปลี่ยนสี หรือผิดรูปหรือเปล่า
7. การล้างทำความสะอาดเล็บ ควรล้างมือและเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ใช้แปรงนุ่มๆ ขัดตามซอกเล็บเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ชโลมด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือและเล็บ
การเลือกใช้อุปกรณ์ในการทำเล็บให้เป็นก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ
กรรไกรตัดเล็บ หรือมีดตัดเล็บ แบ่งเป็นสามประเภทใหญ่ๆ คือ
อุปกรณ์สำหรับตัดหนัง มีสองประเภท คือ
ตะไบเล็บ มีให้เลือก 2 แบบคือ
อุปกรณ์สำหรับขูดผิวเล็บ (nail scraper)
มีลักษณะแบน และปลายมน ไว้สำหรับขูดเบาๆ บนหน้าเล็บ เพื่อทำความสะอาด กำจัดขี้ไคลเล็บ และช่วยให้ผิวเล็บเรียบขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการผลัดเซลล์ผิวหน้าเล็บอีกด้วย
nail knife เป็นอุปกรณ์ที่มีปลายเหมือนมีดขนาดเล็กมีสองแบบ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อหลังใช้งานอุปกรณ์เกี่ยวกับเล็บแล้วอย่าลืมทำความสะอาดทุกครั้งนะคะ อุปกรณ์ที่เป็นโลหะ ก็ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ เช็ดและผึ่งให้แห้ง ถ้ามีข้อต่อก็หยอดน้ำมันเสียหน่อย กันฝืดและกันสนิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น